วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555

มาเยี่ยม Campus Party @Hi-Tech Berlin





มีคนปรามาสทำนองว่า แม้เยอรมันจะเจ๋งและเป็นจ้าวแห่งอุตสาหกรรม Medium-Tech โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Vehicles, Chemical, Machine Tools, และ Producer Goods หรือแม้แต่อุตสาหกรรมที่ก้าวหน้าในย่านของ Green Technology ก็ตามที ทว่าในย่านของอุตสาหกรรม Hi-Tech เช่น คอมพิวเตอร์และสหาย ข้อมูลข่าวสารและสื่อสาร อินเทอร์เน็ตและสื่อใหม่ๆ ตลอดจนเซมิคอนดักเตอร์ และไบโอเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นอนาคตของโลกนั้น เยอรมันยังล้าหลังอยู่มาก

และแม้ว่าระบบทวิอาชีวะของเยอรมันซึ่งได้รับการยกย่องจากทั่วโลก (ausbildungberufe แบบว่าทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย) จะ "แน่" สักเพียงใด ก็คงจะไม่เหมาะกับบรรยากาศของอุตสาหกรรม Hi-Tech ซึ่งเป็น Knowledge-based ที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก มิใช่ Skill-based แบบที่เยอรมันคุ้นเคยและจัดโครงสร้างสังคมให้รองรับไว้อย่างแน่นหนามาแต่เก่าก่อน

ทว่า การที่ Campus Party ตัดสินใจเลือกเอา Tempelhof  สนามบินร้างกลางกรุง Berlin ให้เป็นแหล่งชุมนุมและแคมปิ้งของชาว Nerds และ Coders และ Startups และ Venture Capitalists ทั่วยุโรปในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลท้องถิ่นแห่งกรุงเบอร์ลินและรัฐบาลกลางของเยอรมนี ที่รับปากว่าจะลงทุนสร้าง Infrastructure และปรุงแต่งบรรยากาศอย่างสุดความสามารถที่จะดึงดูดบรรดา "หัวกะทิ" ทางด้านดิจิตัลและ "ผู้ประกอบการรุ่นเทพ" เฉกเช่น Mark Zuckerberg หรือ Steve Jobs ย่อมส่งสัญญาณบางอย่างว่า เยอรมันจะไม่ยอมตกรถไฟขบวนนี้เป็นอันขาด และประกาศจะวิ่งไล่กวด Silicon Valley และ Bay Area และ London ในฐานะ High-Tech Hub


ผมได้เข้าร่วมชุมนุมครั้งนี้ในฐานะสื่อมวลชน ผมได้ยิน Philipp Rosler รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (ผู้มีเชื้อชาติเวียดนาม) เน้นย้ำว่า Berlin ไม่ใช่เยอรมันแต่เป็น International City และยังได้ฟังบรรดาวิทยากรตลอดจนบรรดา Startup และ Venture Capitalist และวิศวกร และโปรแกรมเมอร์ และผู้ที่เรียกตัวเองว่า Hacker และ Coders ขึ้นมาพรีเซนต์แนวคิดและผลงานต่างๆ ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน ใน 22 แขนง และได้เห็นบางคนบังคับหุ่นยนต์รูปร่างแปลกๆ ของตนให้เดินไปเดินมาในงาน ตลอดจนเข้าร่วมสังเกต Workshop บางอันที่ผมสนใจ และร่วมสัมภาษณ์คนที่น่าสนใจ เช่น Caroline Drucker แห่ง Etzy.com และ Don Tapscott ผู้เขียน Wikinomics และ Macrowikinomics กับเพื่อนสื่อมวลชนหลายชาติ ตลอดจนเข้าร่วม Satellite Events และ Evening Party ณ คาเฟ่และผับเก๋ๆ ของบรรดาชาว Nerds และ Startups อย่าง St.Oberholz, Cafe Moscow, และ Prince Charles

ผมได้เห็นกับตาว่าคนเยอรมันรุ่นใหม่พูดภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อและ American-Style Venture Capitalist ของเยอรมันก็มีเหมือนกันและลงทุนสำเร็จไปแล้วกับหลายกิจการ และถึงแม้ว่ากิจการเหล่านั้นจะเป็นกิจการนอกอุตสหกรรมไฮเทค ทว่าพวกเขาเหล่านั้นเริ่มรุกคืบเข้ามาในอุตสาหกรรมไฮเทคบ้างแล้ว ดังตัวอย่างของ Etzy.com ซึ่งเกิดจากการปลุกปั้นของคนแคนาเดียนที่อพยพมาอาศัยในเบอร์ลินเป็นพยานอยู่

ผมยังทราบอีกว่า Co-work Space ในเบอร์ลินเพ่ิมขึ้นหลายเท่าตัวในรอบหลายปีมานี้ และเมื่อได้พูดคุยกับ Startups กลุ่มเล็กๆ จากโปแลนด์และลิทัวเนียที่มาขอเช่าอาศัย Cubicle ของ St.Oberholz เป็นที่สิงสถิต จึงรู้ความคิดของคนเหล่านี้ว่าที่เลือกมาปักหลักยังเบอร์ลินเพราะใกล้บ้านและค่าครองชีพถูกกว่าลอนดอนหรือสหรัฐฯ และมีทุกอย่างที่สนับสนุนบรรดา Startup อย่างเช่น Venture Capitalist (ซึ่งคุณสามารถนั่งดื่มเบียร์ด้วยได้ตามคาเฟ่และถ้าบางทีเกิดตกลงกันได้เดี๋ยวนั้น แม้คุณจะมาแต่ตัวกับคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป คุณก็ขอสามารถเช่า Co-work Space ที่คาเฟ่เหล่านั้นได้เลย แถมบางแห่งยังมีอพาร์ตเม้นต์ให้สำหรับพวก Startup ที่เริ่มได้รับ Financing จาก VC แล้วอีกด้วย) แหล่งพบปะพูดคุยกับบรรดาหัวกะทิพันธุ์เดียวกัน มหาวิทยาลัย ห้องสมุด มิวเซียมชั้นเลิศ และสถาบันวิจัยหรือ Science Park ประเภท "ของจริง" ที่มีชื่อเสียง เช่น Adlershof  (หรือ City of Science, Technology and Media) และที่สำคัญกระบวนการทางด้านวีซ่ามิได้เป็นอุปสรรค

คือถ้า Silicon Valley มี Stanford ฉันใด Berlin ก็มี Humboldt ฉันนั้น

ที่ผมทึ่งคือ คนเหล่าที่ขึ้นไปพูดและร่วมเข้า Workshop ซึ่งผมได้พบปะนั้น ล้วนเป็นประเภท Well Informed” เหมาะกับอะไรที่ก้าวหน้าและยังอาจมาไม่ถึง แต่มี Sense ว่ามันจะต้องมาแน่

ถ้าเป็นคนที่ขาดแรงบันดาลใจ ไม่มีความฝัน แล้งจินตนาการ หรือขาดพลังชีวิตแล้ว พวกเขาคงทนฟังอะไรแบบนั้นไม่ได้แน่ ไม่เชื่อท่านผู้อ่านลองไล่เรียงหัวข้อของ 22 Areas แห่งอนาคตที่นำมาพูดจากันแบบเอาเป็นเอาตายในเวลาหนึ่งอาทิตย์ของการชุมนุมนั้นดูก็ได้...Astronomy, Robotics, Hardware, Hack, Modding, Biotechnology, Nanotechnology, Biohacking, GreenTech, Design, Photography, Video, Music, Social Media, Blog, Developers, Free Software, Operating Systems, Security, Networks, Entrepreneurship, และ Gaming

แม้เราจะยังไม่เคยเห็นความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมที่มีอิมแพ็กระดับโลกจากธุรกิจไฮเทคของเยอรมัน แต่ถ้าเราดูสถิติในอดีต ที่เยอรมันเคยวิ่งไล่กวดมหาอำนาจอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสจนสามารถแซงหน้าไปได้ในเวลาเพียงสองชั่วคน และพิจารณา Social Foundation ของสังคมเยอรมันในปัจจุบันประกอบ (อย่างที่ผมว่ามาแล้วเช่น Work Ethic, German Management Style, High-Trust Teamwork, และสถาบันการศึกษาเชิงช่างชั้นยอดจำนวนมาก...นี่ยังไม่นับความมั่งคั่งและทรัพย์สินที่พร้อมจะสนับสนุน) ผมก็มั่นใจว่าอีกไม่นาน เราน่าจะได้เห็น Steve Jobs เวอร์ชั่นเยอรมันอย่างแน่นอน

(อ่านบทความเรื่อง German Innovations ฉบับเต็ม ของผมได้ โดยคลิกที่นี่ "ไอเดียเก๋ๆ และน่าขโมย จากเยอรมัน") 

สนามบิน Tempelhof สมัยที่ยังเปิดทำการและสมัยนี้

Sir Tim Berners-Lee บิดาของ HTML ซึ่งทำให้เรามี World Wide Web ใช้มาจนกระทั่งปัจจุบัน เซอร์ลีพูด "โดน" มากเมื่อเขาบอกว่า พวกเราต้องช่วยให้อินเทอร์เน็ตมี Free Ideas คือที่ว่าฟรีนั้นไม่ใช่ของฟรี แบบว่าเราต้องจ่ายค่าไอเดีย เหมือนจ่ายค่าเบียร์นั่นแหละ เพราะเจ้าของไอเดียเขาก็มีต้นทุน เหมือนผู้ผลิตเบียร์ที่ต้องจ้างคนและมีครอบครัวต้องดูแล...ดังนั้นไอเดียที่ดีก็ต้องจ่าย เพราะถ้าเราเอาฟรีหมด ไอเดียดีๆ ก็จะหายไป..เข้าล็อกกิจการใหญ่โตที่เอาเงินจากตลาดหุ้นมา Subsidize บริการฟรี...โอ้ว! พอถึงตรงนี้ คนเฮกันตรึม...เราก็นึกว่า "โดน" เราคนเดียว แต่ฝรั่งก็รู้สึกเช่นกัน...นี่แหละหัวอกคนขายไอเดีย และเขียนหนังสือขาย

Don Tapscott มาบรรยายเชิงโปรโมทหนังสือเล่มใหม่ Macrowikinomics และบอกว่าองค์กรสมัยใหม่ (รวมถึงรัฐบาล) ย่อมต้องเปลี่ยนทัศนะคติเสียใหม่ในยุคอินเทอร์เน็ตนี้ จากที่เคย Dress to Success” ต้องพลิกกลับมาสู่โหมด Undress to Success”...หมายความว่าทำให้ตัวเอง "ล่อนจ้อน" แบบเท่ๆ เสียก่อนที่เว็บไซต์แบบ Wiki leak จะมาเปิดโปง เพราะความลับมันไม่มีในโลก ดังนั้น "ความโปร่งใส" จึงสำคัญมากในยุคต่อไป






บรรยากาศการชุมนุมของบรรดา Nerds และ Startups

St. Oberholz Cafe แหล่งพบปะของคนรุ่นใหม่ในเบอร์ลิน ที่เราสามารถเห็นบรรดา Startups  และ Venture Capitalists มาพบกัน หรือมาบรรยายแลกเปลี่ยนความเห็นกัน โดยทางร้านยังมีพื้นที่ Co-work Space พร้อม Wifi ความเร็วสูงพร้อมอุปกรณ์สำนักงานจำเป็นให้เช่าเป็นออฟฟิสชั่วคราว และถ้าจะอยู่ยาวก็มีอพาร์ตเม้นต์ให้เช่าด้วย...เรียกว่ามาแต่ตัวกับ Laptop อีกตัว ก็พอละ

ทักษ์ศิล ฉัตรแก้ว

บทความนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร MBA ฉบับเดือนกันยายน 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น