วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2557

ผู้หญิง



ถ้า X = ผู้หญิง
และ Y = ผู้ชาย
ครม. "ประยุทธ์ 1" ย่อมเขียนเป็นสมการได้ว่า: X+Y = 33
โดย X = 2, และ Y = 31

ดังนั้น ใน ครม. ชุดนี้ X < Y แยะเลยหล่ะ

ทั้งๆ ที่ข้อมูลล่าสุดของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้คาดการณ์จำนวนประชากรไทยทั้งสิ้นไว้เมื่อ 1 .. 2557 ว่าประกอบด้วย:
X = 33,329,000
Y = 31,542,000

ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่า สังคมไทยยุค คสช. ผู้หญิงยังหาได้เท่าเทียมกับผู้ชายในเชิงของการครองอำนาจและการบริหาร ถึงแม้ในเชิงเศรษฐกิจ ผู้หญิงเท่าเทียมกับผู้ชายนานแล้วก็ตาม

เงินเดือนของผู้หญิงเท่าเทียมกับผู้ชายนานมาแล้ว ทั้งภาคราชการและเอกชน อีกทั้งโอกาสในการประกอบการ ก็เท่าเทียมกัน เดี๋ยวนี้เรามีผู้หญิงเป็นเจ้าของกิจการจำนวนมาก เป็นผู้บริหารระดับสูงก็ไม่น้อย กระทั่งติดอันดับมหาเศรษฐีของไทยก็มี

เร็วๆ นี้ ห้างสยามพารากอน จัดแคมเปญแถมบัตรจอดรถฟรี 1 ปี แต่มีเงื่อนไขต้องช็อปวันละ 9 แสนบาทขึ้นไป ก็ปรากฏว่าได้ลูกค้าเฉลี่ย 20 คนแทบทุกวัน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกค้าผู้หญิง

เศรษฐกิจผู้หญิงจึงใหญ่โตมโหฬาร เพราะเดี๋ยวนี้ นอกจากผู้หญิงจะเป็นคนตัดสินใจเรื่องอาหารการกินของครอบครัวแล้ว ผู้หญิงยังตัดสินใจในเรื่องสำคัญอื่นๆ ของครอบครัวอีกด้วย ทั้งเรื่องการซื้อ หรือสร้าง และตกแต่งบ้านที่อยู่อาศัย การศึกษาของลูกๆ การรักษาพยาบาล รวมถึงทริปท่องเที่ยวของสมาชิกในครอบครัว และสันทนาการอื่นๆ

นี่ยังไม่นับกำลังซื้อเดิมในเรื่องความสวยความงามและแฟชั่นของตัวเอง

ธุรกิจสมัยใหม่จึงต้อง Target ไปที่ผู้หญิง แม้กระทั่งกีฬาซึ่งสมัยก่อนเป็นอาณาจักรของผู้ชาย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว 

เพราะแม้กระทั่งฟุตบอลซึ่ง "ผู้ช้าย ผู้ชาย" ยังต้องหันมาใช้กลยุทธ์ต่างๆ นาๆ เพื่อดึงความสนใจของผู้หญิง

ทุกครั้งที่นักฟุตบอลระดับโลกมาเมืองไทย เรามักเจอแฟนบอลผู้หญิงติดตามขอลายเซนต์เป็นพรวน ตั้งแต่ลงเครื่องบินกันเลยทีเดียวแหละ

อย่าลืมว่าจำนวนผู้หญิงในโลกนี้มีมากกว่าครึ่ง ดังนั้น ถ้าฟุตบอลฮิตในหมู่ผู้หญิงได้ โฆษณาสินค้าผู้หญิงจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อมีการถ่ายทอดสด นี่ยังไม่นับสินค้าพรีเมี่ยมและของที่ระลึกอีกเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น การที่ คสช. แต่งตั้งผู้หญิงให้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ต้องถือว่าไม่ตกกระแส

ถึงอย่างไร โดยธรรมชาติแล้ว ผู้หญิงย่อมเท่าเทียมกับผู้ชาย

เพราะถ้าดูจากสมการของโครโมโซมยามที่เราปฏิสนธิ
ผู้ชายคือ XY และผู้หญิงคือ XX
เขียนเป็นสมการยามปฏิสนธิได้ว่า: XY=XX
ดังนั้น Y = XX/X
Y = X
...

เห็นมั้ยละ ว่าผู้หญิงกับผู้ชายมันเท่ากันมาตั้งแต่ปฏิสนธิโน่นแล้ว

แต่ถ้าจะมาว่ากันถึงก่อนปฏิสนธิ ผมก็คงต้องขอยกเอาบทเสภา "ขุนช้างขุนแผนฉบับอ่านใหม่" สำนวนครูแจ้งวัดระฆังมาอ้างซะหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทสั่งสอนลูกสาว ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังของสังคมชนชั้นกลางและชั้นล่างสมัยก่อน ต่อบทบาทของผู้หญิงไว้ดังนี้:

ครั้นเมื่อยามดึกกำดัดสงัดหลับ คนระงับนอนนิ่งทั้งเรือนใหญ่
ท่านยายปลอบลูกน้อยกลอยใจ แม่จะไปนิทรากับสามี
งามปลื้มแม่อย่าลืมคำสอนสั่ง อุตสาห์ฟังจำไว้ให้ถ้วนถี่
อันการปรนนิบัติของสตรี ถ้าทำดีแล้วชายไม่หน่ายใจ
สู้ถ่อมตัวปรนนิบัติคอยจัดแจง เมื่อเขาแข็งแล้วอย่าขัดอัชฌาสัย
รู้จิตผัวว่าสมัครรักท่าไร ก็ยักย้ายส่ายให้ถูกใจกัน

และยังบอกตำราทำกับข้าวให้ผัว (ซึ่งดูเหมือนจะเป็นยาโป้วทั้งสิ้น) ไว้ยาวเฟื้อย แต่ขอคัดมาบางส่วนว่า:

อุตส่าห์จำทำให้ผัวกินลอง ล้วนแต่ของมีกำลังทั้งสามสิ่ง
ทำให้กินเนืองเนืองเปรื่องขึ้นจริง ทุกสิ่งของแท้เป็นแน่นอน
ทำให้กินทุกวันหมั่นสำเหนียก แม้อ่อนเปียกก็จะแข็งเป็นไม้ท่อน
พอตกค่ำขึ้นท้ายไม่หลับนอน พายเรือคอนเหยาะเหยาะจนเคาะระฆัง

(อ้างจาก “คึกฤทธิ์วิจารณ์นักเขียน” ของทองแถม นาถจำนง สำนักพิมพ์แม่คำผาง, 1 .. 2554)

ทักษ์ศิล ฉัตรแก้ว
4 กันยายน 2557
พิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร MBA ฉบับเดือนกันยายน 2557