การเปลี่ยนแปลงในเชิง
Geopolitics
ของโลกและเอเชียและภายในเอเชียอาคเนย์เอง
ทำให้ประเทศไทยเราจำเป็นต้อง
Reinvest
ขนานใหญ่
เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจเสียใหม่
ให้รองรับกับความเปลี่ยนแปลง
และหวังว่าจะช่วงชิงเอาประโยชน์จากกระบวนการเปลี่ยนแปลงนั้นเสียแต่ต้นมือ
จะมาหวังกับการพึ่งพิงโครงสร้างเดิมซึ่งเคยใช้ได้ผลมาแล้วในรอบสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา
อาศัยท่าเรือน้ำลึกและ
Eastern
Seaboard เป็นฐานการส่งออก
โดยเน้นการรับจ้างทำของในโรงงานแบบเก่านั้น
มันตีบตันลงเรื่อยๆ
เพราะปัจจุบันการ Create
Wealth ด้วยโมเดลแบบเก่านี้
ไม่มีใครในโลกต่อกรกับจีนได้
Linkage
Strategy กับจีนและอินเดียและกับประเทศเพื่อนบ้านโดยรถไฟความเร็วสูง
รางคู่ และทางหลวง Motorway
ที่ทันสมัย
เพื่อ Transform
ตัวเองให้เป็น Transportation Hub และ Supply Chain Distribution Hub ตลอดจนการลงทุนเพื่อป้องกันน้ำท่วมในระดับ
Massive
Scale รวมถึงการจัดระเบียบขนส่งมวลชนในเมืองใหญ่ด้วยรถไฟฟ้า
รถใต้ดิน Mono
Rail และ
Toll Roads
อีกทั้งการลงทุนเพื่อแสวงหาและผลิตพลังงานทั้งพลังงานหลักและพลังงานทางเลือก ตลอดจนเร่งยกระดับ Productivity ในภาคเกษตรและในเชิงการขนส่ง ย่อมเป็น Priority
สำคัญของทุกรัฐบาลนับแต่นี้ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นตัวแทนของสีเหลืองหรือสีแดง อำมาตย์หรือไพร่ ไม่งั้น “ความสามารถเชิงแข่งขันของไทย” เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านย่อมต้องตกต่ำลง ซึ่งมันจะส่งผลต่อมาตรฐานการครองชีพและคุณภาพชีวิตของพวกเราในที่สุด
ข้อจำกัดของเรื่องนี้มีอยู่อย่างเดียวคือ
“เงิน” เพราะการลงทุนแนวนี้จะต้องใช้เงินมาก
แต่ละโครงการต้องใช้หลายหมึ่นล้าน
บางโครงการก็หลายแสนล้านบาท
รัฐบาลและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง
ย่อมถูกจำกัดด้วยเพดานการก่อหนี้สาธารณะ ซึ่งขณะนี้ไต่ขึ้นไปสูงพอควรแล้ว
เมื่อเทียบเป็นสัดส่วนของ
GDP
และต้องระวังไม่ให้ปัญหาหนี้สินภาครัฐเว่อร์
จนแว้งกลับมาทำลายบ้านเมืองอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นในกรีซ
โปรตุเกส และสเปน หรืออเมริกาใต้ในอดีต
Infrastructure
Fund นับว่ามาได้ถูกที่ถูกเวลา
เพราะมันเป็นเครื่องมือที่จะทำให้หลายฝ่ายหายใจหายคอได้บ้าง
โดยมันจะช่วยให้รัฐและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง
ผูกพันตัวเองกับหนี้สินน้อยลง
ให้ผู้ถือหน่วยลงทุนช่วยลดโหลดไปบ้าง
แถมยังลดปัญหา Crowding
Out เพราะสามารถเอาวงเงินที่กันไว้นี้
ไปสร้างประโยชน์ในเชิงสวัสดิการสังคมอื่น
เช่นยกระดับคุณภาพการศึกษา
สร้างทักษะให้กับแรงงานทุกระดับเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่และโลกใหม่
หรือลงทุนกับบริการสาธารณสุข
หรือสวัสดิการพื้นฐานอื่นที่สังคมไทยยังต้องการอีกมาก
ผู้ซื้อหน่วยลงทุน
(ซึ่งในที่นี้ก็คือประชาชนหรือภาคเอกชนที่มีเงินออม)
ก็สามารถมีทางเลือกในการออมเพิ่มขึ้น
โดยเลือกลงทุนให้สอดคล้องกับ
Pattern
ความเสี่ยงของตน
แต่ละรายย่อมไม่เหมือนกัน
และอาจได้ผลตอบแทนจากโครงการเหล่านั้นในระยะยาวด้วย
อีกทั้งยังสามารถขายหน่วยลงทุนได้ทันทีเมื่อกองทุนเหล่านั้นเข้าจดทะเบียนในตลาดรอง
แม้กระทั่งผู้ลงทุนในโครงการ
เช่นผู้รับเหมาก่อสร้างหรือผู้รับสัมปทาน
ก็สามารถใช้ประโยชน์จากกองทุนนี้ได้ด้วย
ทั้งในเชิงของการเป็น
Originator
และ
Operator
อีกทั้งสถาบันการเงิน
Project
Financiers และบรรดา
Supplier
ต่างชาติตลอดจนธนาคารของพวกเขา
(และที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาเช่นธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของประเทศนั้นๆ)
ก็จะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
ส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยและ
Cost of
Capital ของโครงการโดยรวม
ซึ่งอาจจะลดลง....สุดท้าย
บรรดา บลจ.
ตลอดจน
Underwriter,
Sub-underwriter, Dealer/Broker, และที่ปรึกษาการเงิน
ที่ปรึกษากฎหมาย
ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้
ย่อมได้รับค่า Fees
กันทั่วหน้า
นั่นเป็น
Win-Win
Game ที่
Infrastructure
Fund จะนำมาให้พวกเรา
ทักษ์ศิล ฉัตรแก้ว
18 ธันวาคม 2555