วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

เสธ.หนั่น นายกปรองดอง



พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ หรือ เสธ.หนั่น เป็นนักการเมืองคนแรกที่ผมใช้เป็นแบบเพื่อหัดเขียนการ์ตูนล้อ...วาดเล่นๆ ไปตามเรื่องตามราว
ทำไม?

เพราะเสธ.หนั่นน่าล้อ และมีเอกลักษณ์ชัดๆ ที่เป็น Uniqueness หลายประการ ซึ่งผมเห็นว่า Qualify มาก...ตัวเล็ก หูกาง และชอบดื่มไวน์ออกอากาศด้วยถ้วยเบ้อเร้อ แถมยังแวดล้อมไปด้วยเพื่อนฝูง ญาตพี่น้อง แขกเหรื่อ และบริษัทบริวาร คล้ายๆ กับดอนคอริโอเน่ เจ้าพ่อคลาสสิกของมาริโอ พูโซ

สมัยเมื่อเสธ.หนั่นเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์และนั่งว่าการกระทรวงมหาดไทยนั้น  อำนาจบารมีแก่กล้าถึงขีดสุด ออกจะเปล่งบารมียิ่งกว่านายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย ด้วยซ้ำไป เพราะใครๆ มีปัญหาก็จะวิ่งหาเสธ.หนั่น ซึ่งมักช่วยแก้ไขให้พอใจกันได้ทุกทีไป

ถ้าไม่ถูกมือดีตลบหลังและเขี่ยให้พ้นทางไปเสียก่อน เสธ.หนั่นอาจก้าวถึงตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองได้เหมือนกัน เพราะประชาธิปัตย์นั้นเป็นพรรคที่ไม่มีเจ้าของแน่นอนตายตัว

แม้เมื่อหมดอำนาจเพราะโดนตัดสินให้เว้นวรรคการเมืองถึง 5 ปี บารมีของเสธ.หนั่นก็ยังมีอยู่เยอะ ผมมีโอกาสพบเสธ.หนั่นในช่วงนั้นแหละ เพื่อไปขอ “ปรองดอง” ขอไกล่เกลี่ยให้เสธ.หนั่นถอนฟ้องผมทั้งในทางอาญาและแพ่ง ซึ่งเสธ.หนั่นเรียกค่าเสียหายรุนแรงมาก


ผมเห็นบ้านเสธ.หนั่นเต็มไปด้วยผู้คน ทั้งตำรวจในเครื่องแบบ นอกเครื่องแบบ ทหาร Bodygaurds ส.ส. และชาวบ้านที่มารอพบ โดยมีคนจัดคิวพบทีละคิว ส่วนพวกที่ยังรอก็จะมีที่รับรองอย่างดี หรือจะเดินเล่นไปในบริเวณบ้านอันร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานาชนิดและสิงสาราสัตว์แปลกๆ ก็ได้ ไม่ว่ากัน

เมื่อเสธ.หนั่นรู้ว่าผมเป็นใคร เสธ.หนั่นก็โมโหทันที หูแดง หน้าแดง และตำหนิผมอย่างแรง แถมยังตำหนิผู้ที่พาผมไปพบ หาว่าพาผมกับเพื่อนมาทำไม แม้เธอผู้นั้นจะเป็นหลานคนสนิทของนายทหาร จปร.7 ที่อยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิทกับเสธ.หนั่นก็ตามที

เมื่อได้โอกาส ผมก็พูดแทรกขึ้นตามที่กะไว้ในใจแต่แรก... ผม (ถาม): "ท่านครับ ผมอยากขอความกรุณาให้ท่านช่วยพิจารณาทบทวนเรื่องนี้อีกสักครั้งครับ” ....เสธ.หนั่น (ตอบ): พวกคุณแย่มาก อยากได้เงินได้ทองทำไมไม่มาขอดีๆ เขียนแบบนี้ผมเสียชื่อเสียงป่นปี้ ในเมื่อกล้าทำก็ต้องกล้าสู้ ไม่รู้ละ ผมต้องสู้กับคุณในศาล สู้กันตามกติกานี่แหละ....” แล้วก็ ฯลฯ (ผมได้ยกแม่น้ำทั้งห้าแล้ว แต่ก็....)...เป็นอันว่าผมและผู้หวังดีที่พาผมไป “ปรองดอง” ไม่สำเร็จ ไม่ว่าพวกเราจะยกเหตุผลยังไง เสธ.หนั่นก็ไม่นำพา

การพบกันวันนั้นทำให้ผมประหลาดใจ ผมสังเกตุว่าเสธ.หนั่นไม่เคยใช้คำพูดและกริยาข่มขู่คุกคามผมเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่อยู่ในวิสัยที่ทำได้ ผิดกับภาพลักษณ์ของเสธ.หนั่นที่อยู่ในใจผมก่อนหน้านั้น ซึ่งมีภาพออกไปทาง “มาเฟีย”  

ผมได้ต่อสู้ในชั้นศาลกับเสธ.หนั่น ได้เห็นเสธ.หนั่นมาให้การต่อสู้ด้วยตัวเองทุกครั้งไป และได้เห็นกับตาว่าเสธ.หนั่นอ่อนน้อมถ่อมตนกับศาลตลอดจนพนักงานศาลแม้จะด้อยวัยวุฒิกว่าก็ตาม สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเสธ.หนั่น ว่าจริงๆ แล้วเสธ.หนั่นเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ถือตัว ยึดถือกติกา และ Pragmatism

เราต่อสู้กันอยู่นานจนผมจวนจะแพ้ เดชะบุญที่ผู้ใหญ่คนหนึ่งซึ่งรู้ว่าเสธ.หนั่นเป็นคนมีจิตใจแบบนักเลงโบราณ --โกรธเป็นโกรธ อภัยเป็นอภัย แพ้เป็นแพ้ และยึดถือคุณธรรมน้ำมิตร--ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยใกล่เกลี่ย ด้วยการไปขอให้นายทหาร จปร.7 ที่เสธ.หนั่นเกรงใจมาก ช่วยเอ่ยปากให้ในวันคล้ายวันเกิดของเสธ.หนั่นเอง ขณะที่กำลังดื่มไวน์กัน เป็นอันหายโกรธ เลยจบลงที่ผมในฐานะผู้น้อย ได้เอาดอกไม้ไปไหว้ขอขมาเสธ.หนั่นที่บ้าน แล้วผู้ใหญ่ก็ให้อภัย และหลังจากนั้นก็ได้ช่วยงานท่านตามที่ขอ...

ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้ผมได้เห็นน้ำใจและการกระทำของเสธ.หนั่น ว่าถ้าสู้แล้วสู้ขาดใจ และเด็ดขาดเหมือนทหาร ถ้าชนะแล้วก็พร้อมจะให้อภัย ใจกว้าง ไม่ทับถม พูดคำไหนคำนั้น และในยามปกติ ก็เป็นคนให้เกียรติคนมาก

ข้อสำคัญ เสธ.หนั่นไม่ใช่นักการเมืองแบบ Moralist ผมไม่เคยได้ยินเสธ.หนั่นพูดเรื่องคนดี คนเลว หรือผู้นำคุณธรรมอะไรเลย แต่เสธ.หนั่นเป็นนักการเมืองที่ Practical และเดินหมากสไตล์นั้น ถ้าไม่ถึงเวลาไม่เคลื่อนไหว เมื่อเคลื่อนไหวก็ไปถูกที่ถูกคน และจะได้ผลประโยชน์สูงสุด อย่างคราวนี้ที่เสนอตัวเป็น “ทางเลือก” ก็ทำได้ดี การออกเดินสายไปพบสนธิ ลิ้มทองกุล และใครต่อใครที่เป็นคู่ขัดแย้งกัน ทำได้เหมาะเจาะ ไม่ชิงทำก่อนจนทอดเวลาเนิ่นนานเกินไปจนคนลืมแล้วเมื่อเลือกตั้ง และไม่ช้าเกินการณ์ด้วยเพิ่งจะมาทำก่อนยุบสภาฯ จนคนมองว่าเป็นพวกฉวยโอกาส

จุดอ่อนของเสธ.หนั่นคือการเลือกใช้คนและเรื่องทางเศรษฐกิจ

แต่ถ้าหลังเลือกตั้งแล้วสองพรรคใหญ่เจอทางตัน ผมว่าโดยลักษณะนิสัยแล้ว หลายคนคงอยากจะเสี่ยงกับเสธ.หนั่นดูสักตั้ง

ทักษ์ศิล ฉัตรแก้ว
เขียนก่อนวันเลือกตั้ง 7 วัน
ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร MBA ฉบับเดือนมิถุนายน 2554

***โปรดติดตามอ่านความเห็นของผมต่อนักการเมืองอื่นบางคนได้ตามลิงก์ข้างล่าง

1.ความไว้วางใจในตัวอานันท์ ปันยารชุน

2.วิสัยทัศน์อภิสิทธิ์ นายกฯ ที่โชคดีที่สุดเท่าที่เราเคยมีมา

3.อนาคตสมคิด จาตุศรีพิทักษ์

4.ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร

5.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร VS อภิสิทธิ์

6.ความเห็นต่อพรรคประชาธิปัตย์: Split Personality

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น